CRAC (Computer Room Air Conditioner)
ระบบปรับอากาศที่ควบคุมได้ทั้งอุณหภูมิและความชื้น
ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่ข้อมูลคือทรัพย์สินที่มีค่ามหาศาล “ศูนย์ข้อมูล” หรือ Data Center ถือเป็นห้องหัวใจที่เก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่ทำงานพร้อมกันตลอด 24 ชั่วโมงจะปล่อยความร้อนออกมามหาศาล ซึ่งหากปล่อยให้มีความร้อนมากเกินไป อาจสร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์และทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้ ด้วยเหตุนี้ การควบคุมสภาพอากาศภายในห้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และอุปกรณ์ที่ถูกสร้างมาเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะก็คือ CRAC (Computer Room Air Conditioner) หรือ “เครื่องปรับอากาศสำหรับห้องคอมพิวเตอร์”
CRAC (Computer Room Air Conditioner) คืออะไร?
CRAC (Computer Room Air Conditioner) หรือ เครื่องปรับอากาศห้องคอมพิวเตอร์ คือเครื่องปรับอากาศชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และการไหลเวียนของอากาศภายในพื้นที่สำคัญทางไอที เช่น ศูนย์ข้อมูล (Data Center), ห้องเซิร์ฟเวอร์, และห้องควบคุมต่างๆ อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง
ประโยชน์และความสำคัญของ CRAC
CRAC นั้นมีมากกว่าการทำความเย็นทั่วไปที่เรารู้จัก เพราะมันคือ ระบบควบคุมสภาพอากาศอัจฉริยะ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลอุปกรณ์ไอทีราคาแพงโดยเฉพาะ ความสามารถหลักที่ทำให้ CRAC แตกต่างและดีกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไปอย่างชัดเจนคือ การควบคุมได้ทั้งอุณหภูมิและความชื้นได้อย่างแม่นยำ การรักษาระดับความชื้นที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากอากาศชื้นเกินไปอาจเกิดหยดน้ำสร้างความเสียหายแก่วงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ถ้าแห้งเกินไปก็อาจเกิดไฟฟ้าสถิตที่เป็นอันตรายต่อชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้
นอกจากนี้ CRAC ยังถูกสร้างขึ้นจากวัสดุและส่วนประกอบที่ทนทานเพื่อให้สามารถทำงานหนักได้อย่างต่อเนื่องตลอด 365 วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แอร์บ้านทั่วไปไม่สามารถทำได้ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยปกป้องอุปกรณ์ แต่ยังนำไปสู่การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและประหยัดกว่าในระยะยาวเมื่อเทียบกับการใช้แอร์หลายๆ ตัวมารวมกัน
หลักการทำงานเบื้องต้นของ CRAC (Computer Room Air Conditioner)
CRAC ทำงานโดยใช้หลักการทำความเย็นแบบอัดไอ (Direct Expansion – DX) คล้ายกับเครื่องปรับอากาศทั่วไป โดยมีส่วนประกอบหลักได้แก่
- พัดลม: ดูดอากาศร้อนจากห้องคอมพิวเตอร์เข้าไปในเครื่อง
- คอยล์เย็น (Evaporator Coil): อากาศร้อนจะผ่านคอยล์เย็นที่มีสารทำความเย็น (Refrigerant) ไหลอยู่ สารทำความเย็นจะดูดซับความร้อนจากอากาศ ทำให้อากาศเย็นลง
- คอมเพรสเซอร์: อัดสารทำความเย็นที่ร้อนขึ้นให้มีแรงดันและอุณหภูมิสูงขึ้น
- คอยล์ร้อน (Condenser Coil): สารทำความเย็นที่มีอุณหภูมิและความดันสูงจะถูกส่งไปยังคอยล์ร้อน (ซึ่งมักจะอยู่นอกอาคาร) เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอก
- วาล์วลดแรงดัน (Expansion Valve): ลดแรงดันและอุณหภูมิของสารทำความเย็นลง เพื่อให้พร้อมที่จะดูดซับความร้อนอีกครั้งในคอยล์เย็น
- ระบบควบคุม: มีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นที่แม่นยำ เพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องให้รักษาระดับที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ CRAC หลายยูนิตยังมีระบบทำความชื้น (Humidifier) และลดความชื้น (Dehumidifier) ในตัว เพื่อควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ในห้องอีกด้วย
CRAC กับ CRAH (Computer Room Air Handler) แตกต่างกันอย่างไร
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ CRAC แตกต่างจาก CRAH (Computer Room Air Handler) แม้จะทำหน้าที่คล้ายกัน แต่มีวิธีการทำความเย็นต่างกันดังนี้
- CRAC: ใช้สารทำความเย็น (Refrigerant) โดยตรงในกระบวนการทำความเย็น (มีคอมเพรสเซอร์)
- CRAH: ใช้น้ำเย็น (Chilled Water) ที่มาจากเครื่องทำน้ำเย็นภายนอก (Chiller) เป็นตัวกลางในการทำความเย็น (ไม่มีคอมเพรสเซอร์ในตัวยูนิต)
การเลือกใช้ CRAC หรือ CRAH ขึ้นอยู่กับขนาดของศูนย์ข้อมูล ความต้องการในการทำความเย็น และโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่
ผลกระทบหากไม่มี CRAC ใน Data Center
1.อุปกรณ์ไอทีร้อนจัดและเสียหาย (Overheating & Damage)
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชิปประมวลผลและวงจรรวม มีช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมในการทำงาน หากอุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาดังนี้
- ประสิทธิภาพลดลง: อุปกรณ์จะทำงานช้าลงเพื่อลดการสร้างความร้อน.
- อายุการใช้งานสั้นลง: ความร้อนสะสมทำให้ชิ้นส่วนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น.
- อุปกรณ์ล้มเหลว: อาจเกิดการทำงานผิดปกติหรือหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง นำไปสู่ระบบล่ม.
- ข้อมูลเสียหาย: ฮาร์ดไดรฟ์และสื่อบันทึกข้อมูลอื่นๆ อาจเสียหายถาวรเมื่ออุณหภูมิสูงเกินขีดจำกัด
2.ปัญหาสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม (Uncontrolled Environment)
CRAC ไม่ได้ควบคุมแค่อุณหภูมิ แต่ยังรวมถึงความชื้นด้วย
- ความชื้นสูงเกินไป: อาจทำให้เกิดการควบแน่น (Condensation) ซึ่งนำไปสู่การลัดวงจร การกัดกร่อน และเชื้อรา.
- ความชื้นต่ำเกินไป: อาจทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต (Static Electricity) ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายให้กับส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อนได้.
- จุดความร้อน (Hot Spots): หากไม่มีการกระจายลมเย็นอย่างสม่ำเสมอ จะเกิดจุดที่มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติในห้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ในบริเวณนั้นๆ.
3.การหยุดทำงานของระบบ (Downtime)
การที่อุปกรณ์ไอทีทำงานผิดปกติหรือเสียหายจากความร้อน จะส่งผลให้ระบบและบริการที่ศูนย์ข้อมูลรองรับอยู่หยุดชะงักลง ซึ่งนำไปสู่
- ความเสียหายทางธุรกิจ: สูญเสียรายได้, เสียโอกาสทางธุรกิจ, และกระทบต่อการดำเนินงานที่ต้องพึ่งพาระบบไอที.
- ค่าใช้จ่ายสูง: ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา, ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์, และค่าชดเชยความเสียหายจากการหยุดทำงาน
4.สิ้นเปลืองพลังงานและค่าใช้จ่าย (Inefficiency & High Costs)
หากไม่มีระบบ CRAC ที่มีประสิทธิภาพ อาจต้องใช้เครื่องปรับอากาศทั่วไปจำนวนมากซึ่งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อภาระงานและความแม่นยำของ Data Center ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและค่าไฟฟ้ามหาศาลโดยไม่ได้ประสิทธิภาพการทำความเย็นที่เพียงพอและเหมาะสม.
ดังนั้นคำถามที่ว่า CRAC จำเป็นเพียงใดสำหรับศูนย์ข้อมูล คำตอบก็คือ “จำเป็นอย่างยิ่งยวด” เปรียบเสมือนการทำประกันให้กับทรัพย์สินดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดขององค์กร การเลือกใช้เครื่องปรับอากาศทั่วไปอาจดูเป็นการประหยัดในตอนแรก แต่ก็เหมือนกับการนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปใช้บรรทุกของหนัก ย่อมเสี่ยงต่อความเสียหายที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาว เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกันอย่าง CRAH (Computer Room Air Handler) ซึ่งใช้ระบบน้ำเย็นจากส่วนกลางและเหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่มากๆ CRAC จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ลงตัว และคุ้มค่าที่สุดสำหรับห้องเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กถึงขนาดกลางส่วนใหญ่ เพราะเป็นการลงทุนที่จบในตัวและถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องหัวใจของธุรกิจคุณโดยเฉพาะ
SITEM เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ CRAC ของประเทศไทย โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ที่ได้รับการอบรมตามหลักสูตรสากลจากตัวแทน STULZ ผู้ผลิต CRAC ชั้นนำของโลก หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษาเฉพาะด้านเกี่ยวกับระบบปรับอากาศที่ควบคุมได้ทั้งอุณหภูมิและความชื้นสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE Official ของ SITEM
Leave a Reply