สร้างห้อง Server

สร้างห้อง Server

สร้างห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) แบบมืออาชีพที่ได้มาตรฐานต้องทำอย่างไร

สร้างห้อง Server

การสร้างห้องเซิร์ฟเวอร์ (Server Room) หรือ Data Center ที่ได้มาตรฐานไม่ใช่แค่การหาห้องแล้วนำอุปกรณ์มาวาง แต่ต้องอาศัยการวางแผนและหลักการทางวิศวกรรมที่ถูกต้อง บทความนี้จะเจาะลึกทุกขั้นตอนสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการบำรุงรักษา เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้จริง

1.การวางแผนและออกแบบ: รากฐานที่มั่นคงของ Data Center

การวางแผนที่รอบคอบคือปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จของโครงการ ในขั้นตอนนี้คุณต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

  • การประเมินความต้องการ (Sizing):
    • วัตถุประสงค์: ห้องเซิร์ฟเวอร์นี้จะใช้สำหรับงานประเภทไหน? (เช่น เซิร์ฟเวอร์เว็บไซต์, จัดเก็บข้อมูล, ประมวลผลสูง)
    • ขนาด: คำนวณจำนวน Rack Server ที่ต้องการในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ภายใน 3-5 ปี เพื่อกำหนดขนาดห้องที่เหมาะสม
    • การใช้พลังงาน: ประมาณการกำลังไฟฟ้าที่อุปกรณ์ทั้งหมดจะใช้ (หน่วยเป็นวัตต์หรือกิโลวัตต์) เพื่อคำนวณขนาดของระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศ
  • การเลือกทำเลที่ตั้ง (Location):
    • ความปลอดภัยทางกายภาพ: ควรเลือกพื้นที่ที่ไม่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม, ไฟไหม้, หรือดินถล่ม
    • การเข้าถึง: ควรเข้าถึงได้สะดวกสำหรับการติดตั้งและบำรุงรักษา แต่ต้องมีความปลอดภัยสูง (เช่น อยู่ห่างจากแหล่งชุมชนที่มีความเสี่ยงสูง)
    • การขยายตัว: ควรมีพื้นที่สำหรับขยายขนาดในอนาคตหากจำเป็น

คำแนะนำจากวิศวกร: พื้นยก (Raised Floor) คือโครงสร้างที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของห้องเซิร์ฟเวอร์ โดยทั่วไปจะมีความสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร เพื่อเป็นช่องทางสำหรับเดินสายเคเบิล (ทั้งไฟฟ้าและระบบเครือข่าย) และเป็นช่องทางส่งอากาศเย็นจากระบบปรับอากาศไปใต้ตู้ Rack ทำให้การจัดการและระบายความร้อนมีประสิทธิภาพสูงสุด

2.ระบบปรับอากาศและความเย็น (Cooling System): ป้องกันความร้อนสูงเกินไป

ความร้อนคือศัตรูตัวฉกาจของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หากไม่มีระบบระบายความร้อนที่เหมาะสม อุปกรณ์จะทำงานผิดปกติและอายุการใช้งานสั้นลง

  • เครื่องปรับอากาศแบบ Precision Air Conditioner (PAC): แตกต่างจากเครื่องปรับอากาศทั่วไป PAC ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้นได้อย่างแม่นยำตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีฟังก์ชันการทำงานที่เหมาะสำหรับห้องเซิร์ฟเวอร์โดยเฉพาะ เช่น ระบบทำความเย็นสำรอง (N+1) เพื่อป้องกันการหยุดชะงัก
  • การจัดระเบียบอากาศ (Airflow Management):
    • Cold Aisle / Hot Aisle: นี่คือหลักการพื้นฐานที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยจัดให้มีทางเดินอากาศเย็น (Cold Aisle) อยู่ด้านหน้าของ Rack Server และทางเดินอากาศร้อน (Hot Aisle) อยู่ด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศร้อนปะปนกับอากาศเย็น ทำให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพสูงสุด
    • การปิดกั้นอากาศ (Containment): การติดตั้งฉากกั้นหรือแผ่นพลาสติกเพื่อกั้นโซนอากาศร้อนและเย็นออกจากกันอย่างสมบูรณ์ ช่วยลดการใช้พลังงานของระบบทำความเย็นได้ถึง 30%

3.ระบบไฟฟ้า: หัวใจสำคัญที่ต้องเสถียรและปลอดภัย

ห้องเซิร์ฟเวอร์จำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่เชื่อถือได้สูงมาก เพื่อป้องกันความเสียหายจากไฟดับหรือไฟกระชาก

  • ระบบจ่ายไฟหลัก: ควรมีการออกแบบระบบไฟฟ้าที่มี ความซ้ำซ้อน (Redundancy) เพื่อป้องกันการหยุดชะงัก เช่น การใช้ระบบจ่ายไฟคู่ (Dual Feed) ที่มาจากแหล่งจ่ายไฟคนละแห่ง
  • เครื่องสำรองไฟฟ้า (UPS – Uninterruptible Power Supply): UPS ทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่สำรองที่ให้กระแสไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในกรณีที่ไฟฟ้าดับ และยังช่วยกรองกระแสไฟให้เรียบและเสถียรอยู่เสมอ ควรเลือก UPS ที่มีขนาดเหมาะสมกับโหลดไฟฟ้าทั้งหมด
  • เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator): สำหรับการจ่ายไฟสำรองในระยะยาวเมื่อ UPS ทำงานจนแบตเตอรี่หมด เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อจ่ายไฟให้กับระบบทั้งหมด

คำแนะนำจากวิศวกร: การต่อสายดิน (Grounding) เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง การติดตั้งระบบสายดินที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้าสถิต ฟ้าผ่า และการลัดวงจรภายในอุปกรณ์

4.ระบบดับเพลิงและรักษาความปลอดภัย

ความปลอดภัยไม่ได้จำกัดแค่การป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอก แต่ยังรวมถึงการป้องกันอัคคีภัยที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง

  • ระบบดับเพลิงแบบสารสะอาด: ห้ามใช้ระบบสปริงเกลอร์ (Water Sprinkler) โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหายอย่างถาวร ควรเลือกใช้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติที่ใช้ สารสะอาด (Clean Agent) เช่น FM-200 หรือ Novec 1230 ซึ่งเป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่ทิ้งคราบตกค้างหลังการใช้งาน
  • ระบบควบคุมการเข้าออก: ติดตั้งระบบสแกนนิ้วมือ, ใบหน้า, หรือบัตร (Keycard) เพื่อควบคุมและจำกัดการเข้าถึง และติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อบันทึกเหตุการณ์ตลอดเวลา

5.การจัดการสายเคเบิล (Cable Management): ความเรียบร้อยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ

การจัดการสายเคเบิลที่ดีไม่ได้แค่ทำให้ห้องดูเรียบร้อย แต่ยังช่วยให้การแก้ไขปัญหาและการบำรุงรักษาง่ายขึ้นมาก

  • รางสายเคเบิล (Cable Tray): ติดตั้งรางสำหรับเดินสายเคเบิลทั้งบนเพดานและใต้พื้นยก เพื่อความเป็นระเบียบและป้องกันความเสียหาย
  • การติดป้าย (Labeling): การติดป้ายกำกับที่ปลายสายเคเบิลแต่ละเส้นอย่างชัดเจน ทั้งสายไฟและสาย LAN จะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาและแก้ไขปัญหาอย่างมาก

การสร้างห้องเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรมอาจดูซับซ้อน แต่หากทำตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ระบบไอทีของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกแบบ การดูแล Server Room อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Center เพื่อให้ได้โซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจคุณได้อย่างแท้จริง ติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ >  LINE Official ของ SITEM